ปักธงสร้างนิเวศสื่อสุขภาวะ: คิดดี HUB พื้นที่แห่งการบ่มเพาะนักสื่อสารสุขภาวะ เสริมสร้างเทคโนโลยีดิจิทัล โจทย์ใหม่ท้าทายพลเมืองสร้างสรรค์เมือง
ปักธงสร้างนิเวศสื่อสุขภาวะ: คิดดี HUB พื้นที่แห่งการบ่มเพาะนักสื่อสารสุขภาวะ เสริมสร้างเทคโนโลยีดิจิทัล โจทย์ใหม่ท้าทายพลเมืองสร้างสรรค์เมือง
สสส. สำนักสร้างเสริมระบบสื่อและสุขภาวะทางปัญญา โดย ศูนย์สร้างสรรค์สื่อเพื่อเด็ก เยาวชน และครอบครัว (ยกกำลังสุข) ได้จับมือ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย (มทร.ศรีวิชัย) คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรมและเทคโนโลยี มทร.ศรีวิชัย คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี คณะศิลปศาสตร์และวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตสุราษฎร์ธานี สาขาวิชาการสื่อสารการตลาดและสื่อดิจิทัล มหาวิทยาลัยทักษิณ อุทยานการเรียนรู้ยะลา (TK Park Yala) สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa) เขตพื้นที่ภาคใต้ เครือข่าย CVM ศูนย์บริหารการผลิตและพัฒนากำลังคนอาชีวศึกษาสมรรถนะสูง ครอบคลุมสถาบันอาชีวะจำนวน 5 แห่ง ได้แก่ วิทยาลัยเทคนิคกระบี่ วิทยาลัยอาชีวศึกษาภูเก็ต วิทยาลัยเทคนิคสุราษฎร์ธานี วิทยาลัยเทคนิคหาดใหญ่ วิทยาลัยอาชีวศึกษาปัตตานี ในการทำความร่วมมือสู่การพัฒนานิเวศสื่อสุขภาวะในพื้นที่ภาคใต้
โดยได้มีการปักธงเพื่อร่วมสร้างนิเวศสื่อสุขภาวะผ่านการพัฒนาคนรุ่นใหม่ร่วมกัน โดยเฉพาะการเปิดพื้นที่ “คิดดี HUB” ณ คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรมและเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย (มทร.ศรีวิชัย) ซึ่งจะเป็น ศูนย์บ่มเพาะนักสื่อสารสุขภาวะระดับภูมิภาค แห่งแรกของภาคใต้
คุณญาณี รัชต์บริรักษ์ ผู้อำนวยการสำนักสร้างเสริมระบบสื่อและสุขภาวะทางปัญญา กล่าวว่า ท่ามกลางความท้าทายของสังคมในยุคดิจิทัลขณะนี่ “คิดดี HUB” ได้กำเนิดขึ้นภายใต้ความร่วมมือกับคณะครุศาสตร์อุตสาหกรรมและเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย ซึ่งในฐานะ “ศูนย์บ่มเพาะนักสื่อสารสุขภาวะ” แห่งแรกในภาคใต้ ที่มุ่งสร้างระบบนิเวศสื่อเพื่อสุขภาวะ ด้วยการผสานเทคโนโลยีดิจิทัล, AI และพลังสร้างสรรค์ของคนรุ่นใหม่ เข้าด้วยกัน จะส่งผลให้เกิดทิศทางการขับเคลื่อนอย่างเป็นรูปธรรมโดยอาศัยส่วนวิชาการที่จะเป็นข้อต่อสำคัญสำหรับนิเวศสื่อสุขภาวะ
นายฮาริส มาศชาย ผู้อำนวยการศูนย์สร้างสรรค์เพื่อเด็กฯ ได้กล่าวถึง คิดดี HUB นับเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลง ของเทคโนโลยีดิจิทัล สู่นักสื่อสารสุขภาวะ สู่พลังใหม่ในการขับเคลื่อนสังคมยุค AI ในยุคที่ข่าวสารไหลบ่าทุกวินาที โลกหมุนเร็วด้วยอัลกอริทึม และ AI เข้ามามีบทบาทในแทบทุกมิติของชีวิต “การรู้เท่าทัน” ไม่ใช่แค่ทางเลือก แต่เป็น “ทักษะจำเป็น” สำหรับคนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะเมื่อสุขภาวะของผู้คนต้องเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงทั้งทางร่างกาย จิตใจ และสังคม
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ไชยยะ ธนพัฒน์ศิริ คณบดีคณะครุศาสตร์อุตสาหกรรมและเทคโนโลยี มทร.ศรีวิชัย กล่าวว่า
คณะครุศาสตร์ฯ มทร.ศรีวิชัย ให้ความสำคัญกับการพัฒนาคนรุ่นใหม่ให้มีแนวคิดนวัตกรรมทางสังคมสู่ผู้ประกอบการอย่างสร้างสรรค์ “คิดดี HUB” @ มทร.ศรีวิชัยจึงเป็นพื้นที่แห่งการเรียนรู้และบ่มเพาะ“คนรุ่นใหม่ที่มีจิตสำนึกรับผิดชอบต่อสังคม” ผ่าน คอร์สอบรมทั้งออนไลน์–ออนไซต์ ในการพัฒนาทักษะสื่อ สุขภาวะ และการใช้ AI Media Lab พื้นที่ทดลองสร้างสื่อสุขภาวะได้จริง เปรียบเสมือนพื้นที่ Co‑working & Mentorship ให้เยาวชนได้เข้าถึงผู้เชี่ยวชาญจากคณะต่าง ๆ และภาคี และการรองรับการวิจัยในระดับพื้นที่ เพื่อประเมินผลและสร้างองค์ความรู้ต่อยอดโครงการในอนาคตอีกด้วย
คุณมัทนา ถนอมพันธุ์ หอมลออ ประธานกำกับทิศทาง แผนระบบสื่อและวิถีสุขภาวะทางปัญญา สสส. กล่าวว่า เทคโนโลยีเปลี่ยนสังคมไม่ได้ หากไม่มี “คน” ที่ใช้มันอย่างมีเป้าหมาย “คิดดี HUB” จึงไม่ได้สอนแค่การใช้ AI หรือผลิตสื่อ แต่สอนให้ “คิดดี” เพื่อใช้เทคโนโลยีอย่างมีจริยธรรมและจิตสำนึกต่อส่วนรวม นี่คือหัวใจของนักสื่อสารสุขภาวะรุ่นใหม่ ที่ไม่ใช่แค่ผู้บริโภคข้อมูล แต่คือผู้สร้างการเปลี่ยนแปลง เพราะอนาคตของสังคม ขึ้นอยู่กับพลังของคนรุ่นใหม่ ที่รู้จักเทคโนโลยี รู้เท่าทันปัญหา และ กล้าสื่อสารสิ่งที่ดีสู่โลกใบนี้
การปักธงความร่วมมือครั้งนี้ จึงส่งผลให้เกิดการร่วมสร้างนิเวศสื่อสุขภาวะ โดยเฉพาะ คิดดี HUB พื้นที่แห่งการบ่มเพาะนักสื่อสารสุขภาวะ ศูนย์กลางที่เชื่อมทุกองค์ประกอบเข้าด้วยกัน และบ่มเพาะคนรุ่นใหม่ให้ก้าวเป็นนักสื่อสารที่ “คิดดี–ทำได้–เปลี่ยนจริง” การรวมตัวของภาคีนี้เป็นการสร้างระบบนิเวศสื่อ (Media Ecosystem) ที่สมบูรณ์ มีทั้งศูนย์พัฒนาทักษะ (คิดดี HUB) เครือข่ายนักวิชาการ จากมหาวิทยาลัย องค์กรภาครัฐ-ประชาสังคม ที่หนุนเสริมเรื่องทุน กฎหมาย และช่องทางสื่อสาร สถาบันอาชีวศึกษาและเยาวชน ที่เป็นกลไกขับเคลื่อนจริงในพื้นที่ร่วมพัฒนาระบบนิเวศนี้จึงมีความหมายต่อการพัฒนาศักยภาพเยาวชนอย่างต่อเนื่องขยายผลงานในพื้นที่อย่างยั่งยืนและสร้างสื่อสุขภาวะที่ตอบโจทย์จริงตามบริบทให้เกิดการเชื่อมต่อระหว่างพื้นที่และระดับนโยบาย